ผู้ชาย เพิ่งเริ่มคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเวลานานในเดตแรก ถือเป็นโอกาสสำคัญควรเตรียมตัวให้ดี เพราะถ้าคุณเผลอทำอะไรผิดหรือไม่เข้าท่า คุณอาจกำลังเสี่ยง 6 สิ่งที่คุณไม่ควรพูดกับผู้หญิงในเดตแรก ใครจีบสาวอย่าทำ พูดเรื่องแฟนเก่าของคุณ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากได้ยินคนที่มีปัญหาพูดถึงแฟนเก่า เพราะอีกฝ่ายอาจรู้สึกว่าคุณยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ หรืออาจจะรู้สึกเหมือนถูกเปรียบเทียบ ทั้งๆ ที่บางคนอาจไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า
เชิญชมบ้าน อย่าลืมนี่เป็นเพียงการออกเดต คุณยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับคุณ และคุณก็ใกล้ถึงจุดที่ จะเชิญพวกเขามาที่บ้านได้แล้ว อีกฝ่ายอาจแอบคิดว่าคุณต้องการมีเซ็กส์กับเธอ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจและความสงสัย อย่างน้อยก็ควรทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้งกว่านี้ก่อน
บอกความลับที่ดีที่สุดของคุณ แม้ว่าคุณอาจจะจริงใจ ต้องการเปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าคุณคิดอย่างไร และคุณเป็นใคร ไม่อยากปิดบังอะไรซึ่งกันและกัน แต่สำหรับความลับสุดยอดบางอย่างที่คุณไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ควรบอกให้คู่เดตของคุณรู้ในตอนนี้ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือเปล่า ดังนั้นตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง
พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน อย่าเพิ่งใจร้อน ยังเป็นแค่เดต นี่คือเมื่อคุณพูดโดยคิดถึงอนาคตมากเกินไป ฉันรู้สึกว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการแต่งงาน เนื่องจากคุณสองคนไม่รู้จักกันดีพอ อย่างน้อยคุณก็ควรลองเดตกันดู ทำความรู้จักกันก่อน คนคนนั้นคือคู่ชีวิตของเราวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของเธอ ข้อเท็จจริงนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการออกเดตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ด้วย เช่น บอกว่าเธอดูไม่สูง ตัวจริงดูอ้วนกว่าในรูป รวมถึงวิจารณ์ชุดที่เธอใส่ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่จะชมเชยเธอ
บอกเกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของตัวเอง ปัญหาชีวิตเป็นเรื่องที่ควรเก็บไว้หรือปรึกษากับคนใกล้ตัว สำหรับผู้หญิงที่เราคบด้วย อาจไม่ใช่เวลาที่เธออยากฟังปัญหาในชีวิตของคุณ เพราะคุณและเธอไม่รู้จักกันดีพอที่จะรับฟังกันหรือให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูด 6 สิ่งนี้ในการออกเดต แต่จงถามพวกเขา แต่นั่นไม่ได้รับประกันว่ามันจะไม่เป็นเรื่องแย่เสมอไป ท้ายที่สุด คุณต้องทำงานหนักเพื่อทำสิ่งอื่นให้ดี อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการช่วยให้หนุ่มสาวทุกคน ตระหนักถึงความหวังในความรักของพวกเขา
การศึกษาพบว่า พนักงานออฟฟิศชาย มักจะหงุดหงิดง่ายมากกว่าผู้หญิง หงุดหงิดมากขึ้นเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงาน สำหรับคนวัยทำงานคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยู่บ้าน ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของคุณอาจหมดไปกับการทำงาน คงไม่น่าแปลกใจ ถ้ามันส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเรา ทั้งจากตัวงานเองหรือจากคนที่อยู่ในงาน
แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตมาก่อนก็คือ ผู้ชาย วัยทำงานมักจะมี อารมณ์รุนแรงและก้าวร้าวมากกว่าผู้หญิง เมื่อเร็วๆ นี้ การศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ สำรวจกลุ่มพนักงานออฟฟิศ 1,000 คน และผู้จัดการ 200 คน และพบว่าสภาพแวดล้อมในที่ทำงานสามารถส่งผลต่ออารมณ์ของพนักงาน เช่น ความสุข ความตื่นเต้น ความโกรธ ความเศร้า ความเกลียดชัง และแม้กระทั่งความกลัว
ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่ออารมณ์ของพนักงานไม่ใช่งานของพวกเขา แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากเพื่อนร่วมงาน นอกจากนี้ การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า พนักงานออฟฟิศมีอารมณ์แปรปรวน ในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ รวมถึงเวลาแสดงความคิดเห็นก็ไม่มีใครให้ความสนใจ ผู้ชายมักจะเศร้าเป็น 2 เท่าของผู้หญิง และมีแนวโน้มที่จะแสดงความไม่พอใจ ผลก็คือ ผู้หญิงร้อยละ 20 มีแนวโน้มที่จะเลิก เพราะความไม่สบายใจ
อย่างไรก็ตาม พนักงาน 1 ใน 3 มักจะเก็บอารมณ์ไว้ภายในมากกว่าที่จะแสดงออก เช่นเดียวกับการเสแสร้งยิ้ม แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจ จากมุมมองของผู้จัดการหรือเจ้านาย คนมากถึง 1 ใน 3 มองว่าการแสดงอารมณ์ในที่ทำงานเป็นจุดอ่อน สิ่งนี้ไม่เหมาะสม ไม่ต้องพูดถึงว่า ในหมู่พนักงานพวกเขามีแนวโน้มที่จะรู้สึกเศร้าหรือโกรธ มากกว่าเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่าถึง 89 เปอร์เซ็นต์
และมีแนวโน้มที่จะรู้สึกเบื่อกับงานมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ หนึ่งในนักวิจัย ให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุ ที่หลายคนพยายามอดทนในที่ทำงาน และไม่แสดงอารมณ์ของตนเอง เพราะกลัวถูกมองในแง่ลบ และกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อตำแหน่ง และหน้าที่การงาน แม้ว่าบรรยากาศในการทำงานจะไม่ชื่นมื่น โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากคนมากกว่างาน แต่ผู้คนควรตระหนักเสมอว่า การแสดงอารมณ์อาจทำให้คนอื่นถูกตัดสินจากการกระทำของพวกเขา และส่งผลต่อการทำงานร่วมกันในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ : การสู้รบ อธิบายและศึกษาเกี่ยวกับผลเสียในช่วงการทำสงครามโลกครั้งที่2
